ในสถานที่ที่อาจจะดูว่างป่าวเพราะความกว้างใหญ่ที่กินพื้นที่ไปหลายประเทศ ใครจะไปรู้ว่าเป็นแหล่งทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญมากมายและยังเป็นแหล่งรวมของแร่ธาตุอีกหลายชนิดอีกด้วย เช่น ก๊าซ น้ำมัน ฟอสเฟส และสิ่งสำคัญมากที่สุดก็คือ แสงจากพระอาทิตย์ ที่จะสามารถนำไปใช้เป็นพลังงานต่างๆ ได้อย่างหลากหลาย แต่ด้วยงบประมาณที่ใช้ในการทำพลังงานจากพระอาทิตย์ต้องใช้ทุนสูงจึงยังไม่เป็นที่แพร่หลายมากนักเพราะ ขาดแคลนเงินทุนและเทคโนโลยีที่เหมาะกับนำมาใช้ในทะเลทรายซาฮาร่าแห่งนี้
ถึงแม้ทะเลทรายซาฮาร่าจะดูกว้างและว่างป่าวด้วยพื้นที่ที่กว้างใหญ่ไพศาลเพียงใด คุณรู้หรือไม่ว่าที่แห่งนี้เต็มไปด้วยวัฒนธรรม และ อารยธรรม ประวัติศาสตร์ การค้าขาย การต่อสู้ และการดำรงชีวิตการเอาตัวรอดของสิ่งมีชีวิตทั้งหลายตังแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบัน ว่ากันในเรื่องของการค้าขายใครจะไปเชื่อว่าทะเลทรายซาฮาร่าจะมาทำการค้าขายมานานนับพันปีแล้ว ซึ่งส่วนใหญ่จะมีการค้าขาย เช่น ทองคำ เกลือ และทาส ซึ่งในการขนส่งจะใช้อูฐเป็นพาหนะในการใช้ขนส่งสินค้า เนื่องจากสัตว์ชนิดนี้เป็นสัตว์ที่ทนทานต่อสภาพภูมิอากาศได้เป็นอย่างดี ด้วยลักษณะพิเศษของอูฐที่เป็นสัตว์ที่มีฝีเท้าเบาทำให้เดินบนพื้นทรายได้ง่ายและด้วยเปลือกเท้าที่เรียบจึงทำให้ทรายไม่เกาะติดเท้าแถมยังช่วยกันความร้อนจากทรายที่ถูกแดดจัดได้เป็นอย่างดีเสมือนกับการใส่รองเท้าบูทหนาๆ เลยก็ว่าได้
สำหรับชนพื้นเมืองที่อาศัยอยู่ในบริเวณของทะเลทรายซาฮาร่า ซึ่งส่วนใหญ่แล้วจะเป็นชนเผ่าทัวเร็ก ที่มีลักษณะของสีผิวที่ดำคล้ำ ในส่วนของผู้ชายจะห่มคลุมผ้าทั้งร่างกายโดยจะมีผ้าคลุมศรีษะและใบหน้าแทบจะปิดทั้งหมดของใบหน้าเหลือแต่ในส่วนของตาไว้ ซึ่งบางคนก็เหลือจมูกไว้ด้วยเช่นกัน การที่ต้องแต่งการเช่นนี้ก็เพื่อจะเป็นการป้องกันลมทะเลทราย หรือบางความเชื่อก็เพื่อป้องกันภูตผีปีศาจได้ในยามไร้แสงพระอาทิตย์ ในส่วนของการแต่งการของผู้หญิงชนเผ่าทัวเร็ก จะแต่งการคล้ายคลึงกันกับผู้ชายแต่จะปิดไว้แค่เพียงในส่วนของปากเท่านั้น ในส่วนสีของผ้าที่ชนเผ่าทัวเร็กใช้กันจะเป็นสี ฟ้าน้ำเงิน เป็นที่ได้จากธรรมชาตินั้นเอง
ในปัจจุบันมีชนเผ่าทัวเร็กในทะเลทรายซาฮาร่าประมาณ 1 ล้านคน ซึ่งจะแบ่งออกไปเป็น 7 กลุ่ม ย่อยๆ กระจายอยู่ไปทั่วท้องทะเลทราย บ้างก็ใช้ชีวิตแบบร่อนเร่ บางก็เลี้ยงสัตว์ ซึ่งพวกเขาจะใช้ภาษาในการสื่อสารคือภาษาทามาฮัด เป็นภาษาของชนเผ่าเบอร์เบอร์