ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า อารยธรรมโรมันในช่วงรุ่งเรืองนั้น พวกเค้าแผ่ขยายอำนาจไปกว้างใหญ่ไพศาลเหลือเกิน แถมร่องรอยอารยธรรมบางอย่างนั้นยังหลงเหลือมาจนถึงปัจจุบันด้วย หากเราเป็นคนหนึ่งที่อยากตามรอยอารยธรรมโบราณแห่งนี้ เมืองโวลูบิลิส (Volubilis) ของประเทศโมร็อคโคเป็นอีกหนึ่งปลายทางสำคัญ
เรื่องราวของเมือง Volubilis
เมืองโวลูบิลิส มาย้อนอดีตกันสักหน่อยเพื่อให้การท่องเที่ยวสมบูรณ์ยิ่งขึ้น เมืองนี้หากย้อนไกลเลยบางแห่งอ้างว่าเมืองนี้สร้างขึ้น 300 ปีก่อนคริสตกาลเลยทีเดียว เมืองนี้ถูกปกครองด้วยอารยธรรมโรมัน เหมือนเมืองอื่นๆ แต่ว่าโดนทิ้งร้างไป เนื่องจากว่าประเทศโมร็อคโคมีการย้ายเมืองหลวงบ่อย (ตามกลุ่มอำนาจที่เค้ามาควบคุมประเทศตอนนั้น) เลยทำให้บางเมืองเกิดใหม่ บางเมืองถูกทอดทิ้งไว้เช่นเมืองนี้เป็นต้น หลังจากถูกทิ้งไว้นานจนกระทั่งกษัตริย์พระนามว่า Idris ibn Abdallsh ปฐมกษัตริย์แห่งราชวงศ์ Idrisid มาพบเข้าท่านจึงมีดำริให้บูรณะรักษาเอาไว้
ลักษณะภายในเมือง
เมืองนี้จะว่าไปหลายคนอาจจะมองข้ามไปเนื่องจากว่าเป็นเมืองที่เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง แต่ว่าภายใต้ซากบ้านเรือนนั้นมีอารยธรรมซ่อนอยู่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งซากบ้านเรือนสไตล์โมร็อคโค หรือจะเป็นพื้นกระเบื้องโมส สองอย่างนี้ถูกรักษาไว้อย่างดี แม้ว่าจะมีบางส่วนเสียหายไปบ้างจากเหตุการณ์แผ่นดินไหวก็ตาม
ไปดูอะไรกันในเมืองโวลูบิลิส
หลายคนอาจจะสงสัยว่า เมืองโวลูบิลิส เต็มไปด้วยซากปรักหักพัง แล้วเค้าไปดูอะไรกัน คำตอบคือเค้าจะไปดูซากปรักหักพังนั่นแหละ ซากเหล่านั้นคือแหล่งร่องรอยอารยธรรมที่สมบูรณ์มากแห่งหนึ่งของประเทศนี้เลย พื้นโมเสกยังคงชัดเจนสมบูรณ์จนนักธรณีวิทยายังบอกเลย (ลวดลายบางจุดชัดเจนมาก จนเราเองอดคิดไม่ได้ว่าเค้าสร้างจากอะไรทำไมมันถึงคงทนถาวรมาเป็นพันปีได้) รวมถึงเสา Basilica ตามลักษณะของโบสถ์โรมันเราก็ยังเห็นได้จากที่นี่ด้วย น่าเสียดายว่าเสาหลายต้นโดนยกไปไว้ที่เมืองเฟสแล้ว ไม่งั้นจะสมบูรณ์กว่านี้ แม้ว่าจะพังเสียหายไปมากแต่ห้องหับต่างๆ ก็ยังพอหลงเหลือให้เรารู้ว่าเคยเป็นห้องอะไรมาก่อน ส่วนมากจะเป็นห้องเกี่ยวกับการทำเกษตรกรรมเพราะว่าเมืองนี้ถูกสร้างขึ้นในฐานะเมืองเกษตรกรรม
อีกจุดหนึ่งน่าสนใจมาก นั่นคือเรื่องแสง เมืองนี้ตรงโบราณสถานหากเราไปเยี่ยมชมตอนพระอาทิตย์ใกล้ตกดิน เราจะได้เจอกับแสงที่ค่อนข้างแปลกแต่สวย เป็นอึมครึมให้อารมณ์ค่อนข้างประหลาด ยิ่งกับ Capitoline Temple ด้วยแล้วยิ่งทำให้เรารู้สึกเลยว่าบริเวณนี้ต้องเคยเป็นที่ประกอบพิธีกรรมตามความเชื่อของพวกเค้าตั้งแต่ครั้งอดีตกาลโน่นเลย ลองไปสัมผัสเมืองเก่าแห่งนี้ด้วยตัวเองก็แล้วกัน